กล้วยน้ำว้าเป็นสิ่งที่คนไทยแทบจะทุกคนจะต้องรับประทานกันตั้งแต่เริ่มหัดรับประทานอาหารเลยก็ว่าได้ หลายคนคงจะนึกถึงเมนู “กล้วยน้ำว้าบด” อาหารของเด็กทารกอายุตั้งแต่ 4 เดือน ขึ้นไป เป็นกล้วยพันธุ์ที่เหมาะสมที่สุดที่จะให้เด็กที่เพิ่งฝึกรับประทาน เพราะเมื่อนำกล้วยน้ำว้าไปบดแล้วเนื้อกล้วยจะละเอียด และมีความเป็นแป้งมากกว่ากล้วยพันธุ์อื่นๆ เป็นผลไม้ไทยยอดนิยมที่มีมานานตั้งแต่สมัยโบราณทั่วทุกภาคของประเทศไทย เพราะเป็นผลไม้ที่หารับประทานได้ง่าย มีประโยชน์มหาศาล และจัดเป็นกล้วยที่มีรสชาติดีมาก จะปอกเปลือกแล้วรับประทานเลย หรือจะนำไปทำขนมก็อร่อย คุณยายให้ต้นกล้วยน้ำว้ามา 2 ต้น ลงดินปลูกไว้ที่บ้านไม่นานก็แตกหน่อออกมาเป็นกอใหญ่ ตอนนี้เลยมีเป็น 10 ต้น มีลูกออกมาให้รับประทานตลอดปี เวลากล้วยตัดได้แล้วก็จะดีใจมากแบ่งกันอร่อยได้ทั้งบ้านเลย
กล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสำรองชั้นดี กล้วยน้ำว้า 1 ลูก ให้พลังงานทั้งหมดประมาณ 100 แคลอรี ความหวานของกล้วยน้ำว้ามาจากน้ำตาลธรรมชาติ 3 ชนิด ได้แก่ กลูโคส ฟรุคโตส และซูโครส จากที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ากล้วยน้ำว่านั้นดีต่อระบบขับถ่าย แก้อาการท้องผูก แต่ทราบหรือไม่ว่ากล้วยน้ำว้ายังช่วยรักษาอาหารท้องเสียที่ไม่รุนแรงได้ด้วย อีกทั้งยังมีสารแทนนิน ที่ช่วยรักษาอาหารโรคกระเพาะ สำหรับใครที่มีอาการเจ็บคอลองรับประทานกล้วยน้ำว้าราดน้ำผึ้งวันละ 4-5 ผล จะรู้สึกดีขึ้น เพราะกล้วยน้ำว้าช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ และช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง แถมยังเป็นผลไม้ที่มีแคลเซียมสูง ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมจากอาหารที่บริโภคได้เร็วขึ้น ประโยชน์ของกล้วยน้ำว้าอีกอย่างหนึ่งที่ควรทราบก็คือกล้วยน้ำว้าช่วยให้กลิ่นปากหมดไปเมื่อรับประทานหลังตื่นนอนทันที
สัปดาห์นี้มิ้งค์มีสูตรอาหารที่ดีต่อสุขภาพมาฝากอีกเช่นเคย ใช้กล้วยน้ำว้าทั้งสองสูตร สามารถทำไปพร้อมๆ กันได้เลย เมนูแรก “กล้วยน้ำว้าอบน้ำผึ้งโรยงา” จะทำครั้งละกี่ลูกก็ได้แล้วแต่จำนวนที่ต้องการเสิร์ฟ ปอกเปลือกกล้วยออกด้านหนึ่งใช้แปรงทาน้ำผึ้งบนกล้วยน้ำว้า ตามด้วยโรยงาดำ และงาขาว ห่อด้วยกระดาษฟอยล์ให้คลุมทั่วกล้วยแต่ละลูก นำไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20 นาที เมื่อออกมาเปิดกระดาษฟอยล์ก็จะได้กลิ่นหอมของกล้วยอบน้ำผึ้งที่รสชาติหวานอร่อย เพราะการนำกล้วยไปอบจะทำให้กล้วยมีรสชาติหวานขึ้น คล้ายๆ กับการนำกล้วยไปย่างแต่การนำไปอบจะสะดวกกว่าสำหรับผู้ที่ไม่มีเตาถ่านที่บ้าน เมนูนี้นอกจากจะได้รับประโยชน์จากกล้วยน้ำว้าแล้ว ยังได้รับแคลเซียมจากงาดำ และงาขาวที่มีปริมาณมากกว่าแคลเซียมในนมวัวถึง 6 เท่า มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยลดคลอเรสเตอรอล ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว และบำรุงหัวใจให้แข็งแรง อีกทั้งยังได้ความหวานธรรมชาติจากน้ำผึ้งแท้
อีกเมนูหนึ่ง “กล้วยน้ำว้า และข้าวโอ้ตบำรุงกำลัง” ระหว่างรออบกล้วยนั้นสามารถทำไปพร้อมๆ กัน เริ่มจากผสมข้าวโอ้ตจำนวน 1 ถ้วย กับนม 1 ถ้วย นำไปต้มในหม้อให้เดือด เติมน้ำตาลทรายแดงนิดหน่อย นอกจากนี้ยังลองเติมอบเชย และขิงป่นเข้าไป ปรากฏว่าหอม และมีรสอร่อยมากขึ้น ยกออกจากเตาให้คลายความร้อนลง หั่นกล้วยน้ำว้าเป็นแว่นแล้วตักใส่ถ้วยแก้วทรงสูง จากนั้นตัดข้าวโอ้ตใส่ลงไป ตามด้วยน้ำผึ้ง ทำเช่นนี้สลับไปเรื่อยๆ จนเต็มแก้ว ชั้นบนสุดให้เป็นกล้วยน้ำว้าราดด้วยน้ำผึ้งเยิ้มๆ ดูน่าลิ้มลองยิ่งนัก รับประทานได้ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงคนชรา ผู้ป่วย ผู้พักฟื้น คนรักสุขภาพทุกคน เป็นเมนูอ่อนๆ ที่รับประทานแล้วมีประโยชน์ และอยู่ท้อง อย่าลืมไปลองทำกันดูนะคะ